วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

"ป่าห่มศรัทธา วัดป่าภูก้อน" Unseen Thailand



ป่าห่มศรัทธา วัดป่าภูก้อน  อ.นายูง จ.อุดรธานี

อารามพิทักษ์ผืนป่า พลังศรัทธาแห่งสีเขียว


        
         วัดป่าภูก้อน จังหวัดอุดรธานี อารามพิทักษ์ผืนป่า พลังศรัทธาแห่งสีเขียว วัดป่าภูก้อน คือ 1 ใน 10 สถานที่ท่องเที่ยวในฝันที่คุณต้องออกไปสัมผัสสักครั้ง... วัดป่าภูก้อนที่เที่ยวในฝันตามโครงการ Dream Destination กาลครั้งหนึ่ง..ต้องไป



         วัดป่าภูก้อนตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่านายูงและป่าน้ำโสม อ.นายูง จ.อุดรธานี อันเป็นรอยต่อของ 3 จังหวัด คือ อุดรธานี เลย และหนองคาย สร้างขึ้นเมื่อปี 2530 โดยคุณปิยวรรณและคุณโอฬาร วีรวรรณ ผู้มีความเลื่อมใสในปฏิปทาของพระป่า และได้ทำเรื่องขอใช้ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาตินายูง-น้ำโสม เพื่อสร้างวัดในเนื้อที่ 15 ไร่ จากกรมป่าไม้

      
         ศาสนสถานที่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธา และความสวยงามของสถาปัตยกรรมของวัดป่าภูก้อนแห่งนี้ ตั้งอยู่บนเนินเขา ที่รายล้อมด้วยผืนป่าเขียวขจีกว่า 3,000 ไร่ ซึ่งจุดเริ่มต้นในการสร้างวัด คือ ความมุ่งหมายที่จะรักษาธรรมชาติของป่าอันสมบูรณ์ และแหล่งต้นน้ำลำธารอันอุดมสมบูรณ์เอาไว้จากการถูกบุกรุกทำลาย จนกลายเป็นทิวทัศน์ระดับ Unseen Thailand




         ภายในอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนีที่สร้างเนื่องในวโรกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ พระพุทธรูปปางไสยาสน์แนวนอนความยาวกว่า 20 เมตร ที่ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 6 ปี และเต็มไปด้วยตำนานเล่าขาน ตั้งแต่การได้มาของหินอ่อนขาวบริสุทธิ์จากประเทศอิตาลี  ซึ่งนำมาใช้เป็นส่วนของเศียรพระ รวมถึงงานแกะสลักอันวิจิตรตระการตาราวกับมีชีวิต จากนั้นแวะขึ้นไปกราบนมัสการ องค์พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์เจดีย์ที่ชั้นบนสุดเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ


       นอกจากนี้แล้วภายในวัดยังมี พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์เจดีย์สีเหลืองทองที่ตั้งยอดเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดเขา ชวนให้ผู้มาเยือนขึ้นไปกราบสักการะ ซึ่งหากใครสนใจจะขึ้นไปด้านบนเจดีย์อาจต้องรวบรวมกำลังขาสักหน่อย เนื่องจากเจดีย์ตั้งอยู่บนยอดเขา จึงต้องเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ เมื่อขึ้นมาถึงด้านหน้าขององค์เจดีย์จะมีพระร่วงรุ่งโรจน์ศรีบูรพาให้ได้ไหว้ขอพร และด้านในเจดีย์ที่ชั้นบนยอดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุให้ได้กราบบูชา

    บริเวณวัดเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม ที่นอกจากจะเย็นใจในการได้เดินทางมาเยือนดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา ยังเย็นตาไปกับงานก่อสร้างอันสวยงามอลังการ ร่วมสัมผัสความสุขในดินแดนพุทธศาสนาที่เต็มไปด้วย ต้นไม้ใหญ่น้อย จากหัวใจสีเขียว ที่เปลี่ยนป่าผืนสุดท้ายแห่งอีสานตอนบน ให้กลายเป็นวัดพิทักษ์ป่าอันเขียวขจี

การเดินทางท่องเที่ยววัดป่าภูก้อนโดยรถยนต์ จ.อุดรธานี อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 564 กิโลเมตร สามารถเดินทางได้ทั้งทาง รถยนต์ส่วนตัว รถทัวร์ รถไฟ หรือ เครื่องบิน หากใช้รถโดยสารสาธารณะ เลือกทางที่จะไป อ.นายูง ซึ่งอยู่ห่างจากวัดประมาณ 8 กิโลเมตร แล้วต่อรถรับจ้างเข้าวัดป่าภูก้อนอีกต่อหนึ่ง

















วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เที่ยวเกาะปาลาวัน, ฟิลิปปินส์



                เกาะปาลาวัน, ฟิลิปปินส์ สวรรค์ของคนรักทะเล


                   เกาะปาลาวัน ประเทศฟิลิปปินส์ ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ และยังถือว่าเกาะปาลาวันเป็นเพชรเม็ดงามแห่งเอเชียอีกด้วย


                  ฟิลิปปินส์...ประเทศที่ประกอบด้วยเกาะเล็ก-ใหญ่กว่าเจ็ดพันเกาะ แน่นอนว่าด้วยลักษณะภูมิประเทศที่ถูกโอบล้อมด้วยน้ำทะเลจึงทำให้ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีความสวยงามรอบด้าน โดยเฉพาะเกาะต่าง ๆ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกตลอดทั้งปี และวันนี้กระปุกดอทคอมขอพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับอีกหนึ่งเกาะสำคัญของฟิลิปปินส์ นั่นก็คือ เกาะปาลาวัน (Palawan) ที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในเกาะที่ดีที่สุดของโลก


                 เกาะปาลาวัน เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดปาลาวัน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของฟิลิปปินส์ ชายฝั่งตอนเหนือของเกาะตั้งขนานกับทะเลจีนใต้ ขณะที่ชายฝั่งตอนใต้ติดกับทิศเหนือของทะเลซูลู ทำให้สีของน้ำทะเลรอบเกาะนั้นมีทั้งสีฟ้าผสมกับสีเขียวมรกต  น้ำใสมองเห็นสาหร่ายทะเล ปะการัง และโขดหินด้านล่าง  



 

เวลาที่ท้องฟ้าโปร่งด้วยแล้วเงาของปุยเมฆสีขาวบวกกับสีฟ้าครามของท้องฟ้าที่สะท้อนลงมาในน้ำยังก่อให้เกิดภาพที่สวยงามและโรแมนติกมากทีเดียว หาดทรายขาวละเอียด อ่าวเงียบสงบ เป็นเกาะเขตร้อน ซึ่งมีอุทยานแห่งชาติ



  จุดท่องเที่ยวสำคัญ


แนวปะการัง El Nido Marine Reserve อันอุดมสมบูรณ์ และมีความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมีซากเรืออับปางบริเวณ Coron เป็นอีกหนึ่งจุดสนใจสำหรับนักดำน้ำ ด้านป่าในปาลาวันนั้น ก็งดงามด้วยน้ำตก พืชพรรณ สัตว์ป่าประจำถิ่น และทัศนียภาพที่สวยงามจากจุดปีนเขาชมวิวนับไม่ถ้วนรอบเกาะ


  
กิจกรรมยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ได้แก่
การดำน้ำตื้นและดำน้ำลึก และการล่องเรือชมความงามรอบเกาะ หรือจะเล่นน้ำชิลๆ ริมหาดก็ได้เช่นเดียวกัน เรียกว่าเป็นสวรรค์ของคนรักทะเล


  ด้านการเดินทางมายังเกาะปาลาวันนั้นสามารถเดินทางได้ทั้งทางอากาศ โดยใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่งหากเดินทางโดยเครื่องบินจากกรุงมะนิลา หรือใครที่อยากสัมผัสละอองน้ำบาง ๆ ระหว่างการเดินทางก็สามารถเดินทางมายังเกาะแห่งนี้โดยใช้เรือแทน แต่อาจจะกินเวลา


  ภูมิอากาศ


 ตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้นเช่นเดียวกับประเทศไทย  ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมทั้ง  2  ฤดูกาล  อุณหภูมิเฉลี่ยระหว่าง  24° - 29° C  เพราะได้รับอิทธิพลจากทะเลมาก ในฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีฝนลดน้อยลงไม่มีฤดูแล้ง      เนื่องจากฟิลิปปินส์ตั้งอยู่ใกล้แหล่งศูนย์กลางความกดอากาศต่ำ และด้านตะวันออกอยู่ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก มักได้รับความกระทบกระเทือนจากพายุไต้ฝุ่น (Typhoons)  บ่อยครั้ง  โดยเฉพาะในช่วงระยะเดือนกรกฎคม กันยายน  และช่วงเปลี่ยนมรสุมแนวพายุนี้อยู่ละติจูด  11°  เหนือขึ้นไป  เช่นที่เกาะลูซอนด้านตะวันออก  พายุที่พัดกระหน่ำฟิลิปปินส์รุนแรงมากเพราระพัดผ่านมหาสมุทรปราศจากสิ่งกีดขวาง



 ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว
 

 แม้ฝั่งตะวันตกของปาลาวันจะไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงนักจากพายุฝนในฤดูมรสุม ช่วงฤดูแล้งระหว่างเดือนพฤศจิกายน ถึงมิถุนายน ก็ยังคงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยว ส่วนฝั่งตะวันออกของเกาะมีฝนตกชุกมากกว่า เดือนมีนาคมจึงเหมาะสมที่สุด







                                  ขอบคุณข้อมูลจาก http://travel.kapook.com/view105593.html และ                              http://www.thaigoodview.com/node/160745


วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ทำความรู้จัก "หอเอน"


                                         

     "หอเอนเมืองปิซ่า"




ประวัติของหอเอนเมืองปิซ่า

           หอเอนเมืองปิซา  (อิตาลี: Torre pendente di Pisa หรือ La Torre di Pisa; อังกฤษ: Leaning Tower of Pisa) ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร ค.ศ.1987 หอเอนเมืองปิซาถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Piazza Dei Miracoli หอเอนเมืองปิซายังเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย ปัจจุบันนี้ หอเอนเมืองปิซ่า ลาดเอียงลงมาประมาณ 13 องศาแล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่าหอเอนมีโอกาสพังถล่มลงมาแน่นอน โดยทุก ๆ 20 ปี หอคอยแห่งนี้จะเอนลง 1 นิ้ว และมีคนทำนายว่า หอคอยแห่งนี้จะพังถล่มลงมาในปี 2200 หากยังไม่มีใครหาทางป้องกันได้ เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1173 สร้างเสร็จเมื่อปี 1350 ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี แต่การก่อสร้างหยุดชะงักเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่ม ทำให้ยุบตัว ต่อมาในปี ค.ศ.1272 โดย Giovanni di Simone สร้างให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อให้สมดุล แต่การก่อสร้างในครั้งนี้ ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเนื่องจากเกิดสงคราม ต่อมาก็มีการสร้างหอต่อขึ้นอีกและสร้างเสร็จ 7 ชั้น ในปี ค.ศ.1319 แต่หอระฆังถูกสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1372 โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 177 ปี
หลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1990-2001 หอเอนปีซาได้รับ       การปรับปรุงฐานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมา

        ความเอนของหอปิซ่า คือมนต์เสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยว คนรักศิลปะและนักวิชาการ ต้องไปสัมผัสความมหัศจรรย์นี้ และต่างมีคำถามว่าหอนี้ จะสามารถอยู่ได้ไปตลอดกาล หรือจะพังลงมาเมื่อไหร่และยังมีนักดาราศาสตร์ชื่อดังของโลกที่ชื่อ กาลิเลโอ เคยใช้หอเอนเมืองปิซา (Leaning Tower of Pisa) นี้ทดลองเกี่ยวกับเรื่อง แรงโน้มถ่วง ในตอนที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปิซา โดยใช้ลูกบอล 2 ลูกมี่น้ำหนักไม่เท่ากันทิ้งลงมา เพื่อพิสูจน์ว่า ลูกบอล 2 ลูกจะตกถึงพื้นพร้อมกัน ซึ่งก็เป็นตามที่กาลิเลโอคาดไว้  ในปี ค.ศ.1934 เบนิโต มุสโสลินี พยายามจะทำให้หอกลับมาตั้งฉากดังเดิม โดยเทคอนกรีตลงไปที่ฐาน แต่กลับทำให้หอยิ่งเอียงมากขึ้นไปอีก


         หลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1990-2001 หอเอนปีซาได้รับการปรับปรุงฐานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมาหลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1990-2001 หอเอนเมืองปิซา (Leaning Tower of Pisa) ได้รับการปรับปรุงฐานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมา

        มีความพยายามที่ทำให้หอเอนหยุดการเอียง เพราะว่ามันจะเอียงเพิ่ม 1นิ้ว ทุกๆ 20ปี เคยใช้การเจาะรูแล้วอัดปูน Mortar ใส่แต่ไม่สำเร็จ หลังจากนั้นก็ลองใช้ตะกั่วหลายร้อยตันถ่วงไปก็พอได้บ้าง แต่มาสำเร็จเมื่อปี 2001 โดยขุดดินด้านที่สูงกว่าออกทีละน้อย สุดท้ายสามารถกู้การเอียงได้ 16 นิ้วซึ่งคาดว่าจะปลอดภัยไปอีก300ปี

       
 หอเอนเมืองปิซาถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Piazza Dei Miracoli และหอเอนเมืองปิซายังเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย












               ( ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.thaigotravel.com/travel.php?t_id=15
           และ http://www.artbangkok.com/detail_page.php?sub_id=2764)